วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ดูจันทร์พันดาว ที่เศร้าเหลือเกิน

  สะเทือนหัวใจมากมายเหลือเกิน สังคมไทยเรายังมีชีวิตที่ทุกข์ยาก ลำบากอีกจำนวนมากจริงนะ
น้ำฝนถือเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีหัวจิตหัวใจกตัญญู และต่อสู้ชีวิตอย่างแสนทรหด ลูกศิษย์ครูรุณย์
เอ๋ย หน้าที่ของเจ้าคือการทำหน้าที่การเรียนแต่เพียงอย่างเดียว ท่ามกลางความเพียบพร้อม ที่พ่อแม่
ยินยื่นให้ แสนที่จะสุขสบาย เรียกว่าเกิดมาบนกลางมหาบุญนะลูก ๆนะ ดูชีวิตของคนอื่นบ้างซิ
แล้วมาเปรียบเทียบกับชีวิตของเจ้า  เจ้าทำหน้าที่ มีความกตัญญู เพียงพอ แล้วหรือยัง ถ้ายังก็คงจะไม่สายเกินไป ที่คิดปรับปรุงตัวตนของเจ้าทั้งหลายนะจ๊ะ ขออนุญาตรายการจันทร์พันดาว ที่เผยแพร่คืนวันที่ 9 ธันวาคม 2556 มาเผยแพร่เพื่อประโยชน์ต่อบรรดาเยาวชนทั้งหลายด้วยนะครับ

วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556

วัคซีนเด็กไทยในอดีต ที่เปี่ยมคุณค่า

    วัคซีนอันเป็นพื้นฐานของการศึกษา ที่ถูกปลูกให้ลูก ๆนักเรียนตั้งแต่ชั้น ป.1-ป.6 ทำให้ลูก ๆ นักเรียนมีภูมิคุ้มกัน ความชั่วร้ายเข้าแทรกแซงแทรกซึม ยากเหลือเกิน น่าเสียดาย วัคซีนเหล่านี้ถูกนักวิชาการเฮงซวยได้ยกเลิกไป ไม่เป็นไรครูรุณย์ขอน้อมนำมาสู่ศิษย์ครู การุณย์ นั่งฟัง นอนฟัง ทั้ง 6 เรื่อง ได้สัก 6 เที่ยว แปลความหมายให้ได้ทั้ง 6 เรื่อง รับรองลูกศิษย์ทุกคนเป็นคนดีแหม็ดซ้าด ไม่เชื่อลองคลิกที่นี่ครับ  https://mega.co.nz/#F!iAACFJrL!LQTJmGD6OdAY8olSFA9Oyg
   
     แถมด้วยสุภาษิต สอนหญิง ที่ยุคสมัยนี้ถูกลืมเลือนหายเข้ากลีบเมฆาไปเสียแล้ว ให้บรรดาศิษย์ครูรุณย์ ได้ย้อนไปเก็บเกี่ยวคำสอนดี ๆ จากบรมครูสุนทรภู่นะครับ https://mega.co.nz/#!3EBlXQjS!R23oPVnVsJBqJneCxS-aNSj-fy1l0mQZahaZVPVpfWw

วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

การตรากฎหมายพระราชบัญญัติ

บทเรียนเรื่อง การตราพระราชบัญญัติ/กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ/กระบวนการถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง คลิกที่นี่ http://www.4sync.com/office/ATx7_6P6/_online.html

วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

วิธีการขอใช้พื้นที่ฟรี 50 GB จาก Mega

ขอใช้พื้นที่ฟรี 50 GB  คลิกที่นี่
อย่าลืมคลิกดาวน์โหลดนะครับ จะได้คู่มืออธิบายวิธีการสมัครเพื่อขอใช้พื้นที่ฟรี ๆ ถึง 50 GB


วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ขอพื้นที่ฟรีบนเน็ตด้วย 4sync.com

http://www.4sync.com/office/CsFjDyss/__15__GB_.html
   ดาวน์โหลดวิธีขอพื้นที่ฟรีคลิกที่ภาพ 4 sync แล้วคลิก download now ครับ

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

คำตัดสินศาลโลกคดีเขาพระวิหารโดยสรุป




เมื่อเวลา 17.35 น. วันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงภายหลังการตัดสินของศาลโลก คดีปราสาทพระวิหารว่า   ทั้งสองฝ่าย คือไทยและกัมพูชาพอใจในการตัดสินของศาล   ซึ่งจากนี้ ทางไทยกับกัมพูชา ต้องหารือร่วมกันในการประชุม"คณะกรรมาธิการร่วม" หรือ JC (Joint Commission) อันเป็นกลไกร่วมระหว่างไทย และกัมพูชา


จากนั้น   นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก  ในฐานะตัวแทนไทย ในการดำเนินการทางกฎหมายฝ่ายไทย  ได้สรุปสาระคำพิพากษาที่ได้หารือ หลังศาลโลกได้พิจารณา  ว่า  

1.ศาลมีอำนาจพิจารณาตีความตามคำร้องกัมพูชา ในเรื่องการดูแลตัว ปราสาทพระวิหาร   

2. บริเวณใกล้เคียงปราสาทโดยรอบ ที่เรียกว่า ตัวปราสาทพระวิหาร  ให้ยึดตามคำตัดสินของศาลโลกในปี พ.ศ.2505   ไม่ได้มีแผนที่แนบ

3.  กัมพูชาไม่ได้รับตามคำร้องขอ กรณีเขตแดนพื้นที่ทับซ้อน   4.6 ตารางกิโลเมตร  และ พื้นที่บริเวณ ภูมะเขือ  ไม่ใช่ของกัมพูชา  

4.ศาลไม่ได้ตัดสินเรื่องเขตแดน  เว้นแต่ในพื้นที่เล็กๆ ที่กำลังมีการคำนวณกันอยู่   

5.ศาลไม่ได้ระบุ  ว่าแผนที่ แผนที่อัตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน  เป็นส่วนหนึ่งบนคำตัดสินที่ผูกพัน เมื่อ ปี พ.ศ. 2505 

และสุดท้าย ศาลแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันในการที่จะดูแลปราสาทพระวิหาร ในฐานะมรดกโลก

"เบื้องต้นขอเรียนเลยว่า กัมพูชาไม่ได้รับสิ่งที่มาขอศาล กัมพูชาไม่ได้รับ 4.6 ตร.กม. หรือ 4.5, 4.7 ใดใดก็ตาม กัมพูชาไม่ได้นะครับ พื้นที่ภูมะเขือกัมพูชาไม่ได้นะครับ ศาลไม่ได้ตัดสินเรื่องเขตแดน เว้นแต่ในบริเวณที่แคบมากๆ ศาลเน้นคำว่าพื้นที่เล็กอยู่มาก ขณะนี้พื้นที่นี้กำลังคำนวนอยู่นะครับ และที่สำคัญศาลไม่ได้ระบุว่าแผนที่ 1:200,000 นั้นนะเป็นส่วนหนึ่งของบนส่วนคำตัดสินในคำตัดสิน 2505 ที่ผูกพันนะครับ ผมคิดว่าอันนี้สำคัญมากๆนะครับ...ศาลแนะนำนะครับ ศาลแนะนำให้ทั้ง 2 ฝ่าย ร่วมมือกันในการที่จะดูแลปราสาทในฐานะที่เป็นมรดกโลก ศาลแนะนำให้ร่วมมือกัน"นายวีรชัยกล่าว




 คำพิพากษาฉบับเต็ม

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานจากพระราชวังสันติภาพ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับไทยเวลา 16.00 น.) 

ผู้พิพากษา นายปีเตอร์ ทอมก้า ประธานองค์คณะผู้พิพากษาศาลโลกขึ้นนั่งบัลลังก์ อ่านคำพิพากษา เริ่มด้วยการแสดงความเสียใจต่อผู้นำไทย ในกรณีสมเด็จพระสังฆราชสิ้นพระชนม์ หลังจากนั้นต่อด้วยคำพิพากษา มีเนื้อหาโดยสรุป ดังต่อไปนี้

ศาลสรุปว่า ข้อพิพาทมีความสัมพันธ์ใน 3 แง่ 1.มีข้อพิพาทว่า คำพิพากษาปี 1962 นั้น ได้ตัดสินหรือไม่ได้ตัดสินว่ามีข้อผูกพันเส้นแบ่งเขตแดนในแผนที่ภาคผนวก 1 ให้เป็นเขตแดนระหว่างสองประเทศหรือไม่  2.จะมีความสัมพันธ์ในกรณีพิพาท แง่ความหมายและขอบเขตของวลีที่ว่า บริเวณดินแดนกัมพูชาในบทปฏิบัติที่ 2 ของคำพิพากษาปี 1962  ศาลได้พูดว่าเป็นผลที่ตามมาจากข้อบทปฏิบัติที่ 1 ยืนยันว่าปราสาทพระวิหารอยู่ในอำนาจอธิปไตยของกัมพูชา และ 3.ข้อพิพาทเรื่องพันธะกรณีของไทย เรื่องการถอนกำลังทหาร เป็นไปตามข้อบทปฏิบัติการที่ 2 โดยคำนึงถึงความเห็นที่ต่างกัน

ศาลเห็นว่ามีความจำเป็นที่ต้องตีความข้อบทปฏิบัติการที่ 2 และผลของกฎหมายของแผนที่ภาคผนวก 1 ภายในขอบเขตนี้ กัมพูชาได้ร้องขอ ศาลจึงรับคำร้องของกัมพูชา ด้วยเหตุข้างต้น ศาลเห็นว่ามีข้อพิพาทของสองฝ่าย เรื่องในมาตรา 60 ของธรรมนูญศาล ด้วยเหตุนี้ศาลจึงมีขอบเขตอำนาจในการตีความ คำพิพากษาปี 1962 จึงรับคำร้องไว้พิจารณา" ผู้พิพากษา กล่าว

ไทยได้กล่าวอ้างถึงพฤติกรรมของคู่ความ เมื่อเดือนมิถุนายน 1962 และช่วงที่มีการอ่านคำพิพาษาเดือนธันวาคม 2008 ไทยได้กล่าวว่าพฤิตกรรมดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับคำพิพากษา แต่ไม่ได้มีส่วนผูกพันคู่ความการตีความซึ่งอาจกระทบต่อพฤติกรรมต่อๆไป อาจดูได้จากสนธิสัญญากรุงเวียนนา คำพิพากษามีผลผูกพันตามธรรมนูญศาล หรือการวินิจฉัยว่าศาลพิจารณาอะไร ไม่ได้อยู่ที่ความเข้าใจของคู่ความ และขอบเขตและความหมายนั้นไม่อาจเปลี่ยนแปลงไปตามพฤติกรรมของคู่ความในภายหลังในการตีความนั้น ศาลจะไม่เข้าไปพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่ในประเด็นนั้น ศาลเห็นว่าคำพิพากษาเมื่อปี 1962 (พ.ศ.2505) นั้นมีลักษณะ 3 ประการที่เห็นได้ชัด

1.ศาลพิจารณาว่าเป็นข้อพิพาทเกี่ยวกับอำนาจอธิปไตยเกี่ยวกับที่ตั้งปราสาทและศาลไม่ได้มีหน้าที่ปักปันเขตแดน ศาลจึงกลับไปดูคำพิพากษา 1962 ได้ดูคำคัดค้านเบื้องต้นว่า กรณีนี้เป็นประเด็นเรื่องเขตอำนาจอธิปไตยมากกว่าเรื่องการกำหนดเขตแดน เพราะฉะนั้น เรื่องข้อ 1 และ 2 ของกัมพูชานั้น ศาลจะรับพิจารณาไว้เท่าที่เป็นเหตุและไม่ถือว่าเป็นข้อเรียกร้องที่ศาลต้องชี้ขาดในข้อบทปฏิบัติการ โดยไม่มีการกล่าวถึงแผนที่ภาคผนวก 1 หรือสถานที่ของเขตแดน ในข้อบทปฏิบัติการ ไม่มีการแนบแผนที่คำพิพากษา และศาลไม่ได้กล่าวถึงความยุ่งยากในการใช้ แผนที่ภาคผนวก1 ประเด็นต่างๆ ที่คู่ความได้กล่าวอ้างนั้น มีความสำคัญในเรื่องเขตแดน

ประการที่ 2 แผนที่ภาคผนวก 1 เป็นเหตุผลหลักในการพิพากษา เมื่อได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของคดี และพิจารณาผลความเกี่ยวเนื่องกับสนธิสัญญา ศาลเห็นว่า ประเด็นหลักคือคู่ความได้รับรองแผนที่ภาคผนวก 1 และเส้นแบ่งเขตแดนอันเป็นผลของคณะกรรมการปักปันเขตแดน บริเวณปราสาทพระวิหาร และมีผลผูกพันหรือไม่ ศาลได้ดูพฤติกรรมของคู่ความในการเข้าไปเยี่ยมชม โดยเฉพาะสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ โดยมีเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสให้การต้อนรับ ศาลเห็นว่า เหมือนเป็นการยอมรับโดยทางอ้อมของสยามในอธิปไตยของปราสาทพระวิหาร รวมทั้งพฤติกรรมอื่นๆ ของไทยในเวลาต่อมา ถือว่าเป็นการยืนยันของไทยในการยอมรับเส้นแบ่งเขตแดน ในภาคผนวก 1

โดยไทยในปี 1908 (พ.ศ.2451) และ1909 (พ.ศ.2452) ได้ยอมรับว่าแผนที่ภาคผนวก 1 เป็นผลของคณะกรรมการปักปัน และยอมรับว่าเป็นเส้นแบ่งเขตแดนที่นำไปสู่การวินิจฉัยว่าปราสาทพระวิหารอยู่ในกัมพูชา การยอมรับของคู่ความสองฝ่าย ทำให้แผนที่ภาคผนวก 1 เป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญา จึงเห็นได้ว่า การตีความสนธิสัญญาจะต้องชี้ขาดว่า แผนที่ภาคผนวก 1 เป็นแผนที่ในพื้นที่ขัดแย้ง

3.ศาลได้มีความชัดเจนว่า ศาลดูเฉพาะบริเวณปราสาทพระวิหารเท่านั้น เป็นบริเวณที่เล็กมาก ปี 1962 กัมพูชากล่าวว่า พื้นที่พิพาทเป็นพื้นที่ที่เล็กมาก และในถ้อยแถลงอื่นๆ ก็ไม่มีความขัดแย้งกัน ในปี 1962 คำพิพากษาได้แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ที่พิพาทกันเป็นพื้นที่ที่เล็กมาก หลังการพิจารณาคดี ศาลได้อธิบายบริเวณนั้นด้วย ว่า ปราสาทพระวิหาร อยู่ในด้านตะวันออกของเทือกเขาดงรัก ทางทั่วไปถือว่าเป็นเขตแดนระหว่างสองประเทศ คือทางใต้ของกัมพูชาทางใต้และทางเหนือของไทย

ส่วนแผนที่ภาคผนวก 1 ได้วางเขตแดน ศาลก็ได้บอกว่าจะพิจารณาเฉพาะบริเวณนี้เท่านั้นตามคำพิพากษา 1962 ศาลจึงได้ดูข้อบทปฏิบัติการ วรรค 2 และ 3 เป็นผลสืบเนื่องจากข้อบทปฏิบัติการที่ 1 จึงเห็นว่า ข้อบทปฏิบัติการทั้งสามต้องอ่านเป็นข้อบทปฏิบัติการเดียวกัน ไม่สามารถดูคำใดคำหนึ่งเพื่อตีความได้

ศาลเห็นว่า ข้อบทปฏิบัติการข้อ 1 นั้นชัดเจน วรรคดังกล่าวศาลเห็นว่า ปราสาทพระวิหารอยู่ในดินแดนภายใต้อธิปไตยกัมพูชา แต่คงมีความจำเป็นที่จะต้องกลับมาที่ขอบเขต เมื่อพิจารณาข้อ 2 และ 3 ข้อพิพาททั้งสองขัดกันที่ข้อ 2

แต่ข้อ 2 พูดถึงเพียงว่าไทยจะต้องถอนเจ้าหน้าที่ ไม่ได้พูดถึงดินแดนของกัมพูชาและไม่ได้กล่าวว่า การถอนจะต้องถอนไป ณ ที่ใด ข้อบทปฏิบัติการได้พูดถึงเขตแดนแค่บริเวณปราสาทพระวิหารและใกล้เคียง ศาลไม่ได้กำหนดว่าเจ้าหน้าที่ใดของไทยต้องถอนกำลังออกไปที่ใดบ้าง บอกแต่ว่าเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในที่นั้น

ข้อบทปฏิบัติการที่ 2 ระบุว่า ไทยต้องถอนทหาร และเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่ในปราสาทพระวิหารและใกล้เคียง ศาลจึงเห็นว่าจะต้องเริ่มโดยดูจากหลักฐานพยานปี 1962 เกี่ยวกับสถานที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไทยประจำอยู่ พยานหลักฐานเดียวที่มีคือ ที่ไทยนำเสนอซึ่งได้มีการเยี่ยมชมเมื่อ 1961 ระหว่างการพิจารณาคดีในการซักค้านของฝ่ายกัมพูชา พยานผู้เชี่ยวชาญของไทยบอกว่า มีแค่ผู้เฝ้ายามอยู่ 1 คนและตำรวจ มีการตั้งแคมป์ทางตะวันออกเฉียงเหนือของปราสาท และไม่ไกลก็มีบ้านพักอยู่ มีสถานีตำรวจนั้น ทางทนายฝ่ายไทยอ้างว่า อยู่ทางใต้ของแผนที่ภาคผนวก 1 แต่อยู่เหนือของเส้นสันปันน้ำ ระหว่างการพิจารณาคดีปี 1962 กัมพูชาได้นำเสนอข้อต่อสู้อีกข้อว่า จะต้องใช้เส้นสันปันน้ำในการปักปันเขตแดน"

ผู้พิพากษาศาลโลก กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ศาลเห็นว่าไม่จำเป็นต้องพิจารณาเส้นสันปันน้ำบริเวณปราสาทพระวิหาร การอ้างถึงสันปันน้ำ โดยทนายไทยนั้นเป็นสำคัญ เพราะอ้างว่าการแบ่งเส้นต่างๆ มีความใกล้เคียงกับที่กัมพูชาเสนอ เพราะฉะนั้นการที่มีสถานีตำรวจไทยตั้งอยู่เหนือเส้นสันปันน้้ำ ที่เป็นไปตามมติ ครม. ของไทย ที่ไทยบอกว่าอยู่นอกบริเวณใกล้เคียงปราสาทพระวิหาร เมื่อไทยถูกบอกว่าให้ถอนทหาร บริเวณปราสาทพระวิหารและใกล้เคียง น่าจะมีความประสงค์ให้เจ้าหน้าที่ต่างๆที่ประจำการ ตามคำเบิกความของไทยในคดีนั้น เนื่องจากไม่มีหลักฐานว่ามีเจ้าหน้าที่ไทยประจำการบริเวณอื่นแต่อย่างใด บริเวณปราสาทพระวิหารควรจะยาวไปถึง สถานที่หรือที่ตั้งมั่นของตำรวจในขณะนั้น เนื่องจากอยู่ใกล้เส้นตามมติ ครม. จึงไม่ถือว่าเป็นเส้นแบ่งเขตแดนสองประเทศไทยได้

ศาลได้เน้นย้ำบริเวณปราสาทว่า ปราสาทตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เห็นได้ชัดเจนมาก ลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่โดดเด่น คือทางตะวันออกเฉียงใต้และทางตะวันตกเฉียงใต้ของหน้าผาฝั่งกัมพูชา และด้านเหนือกับตะวันตกเฉียงเหนือเป็นที่ที่อยู่ในเทือกเขาดงรัก หุบเขาทั้งสองนี้ เป็นช่องทางที่กัมพูชาสามารถเข้าถึงปราสาทพระวิหารได้เพราะฉะนั้นตามความเข้าใจเบื้องต้นบริเวณปราสาทพระวิหาร ศาลเห็นว่า เขตแดนของกัมพูชาทางเหนือนั้น ไม่เกินเส้นแบ่งของแผนที่ภาคผนวก 1 ศาสตราจารย์ฟรีดริช แอคเคอร์มานน์ ไม่ได้ให้ระบุระยะทางที่ชัดเจน แต่ตามพยานหลักฐานมีความชัดเจนว่าด่านตำรวจอยู่ในระยะที่ไม่ไกลมากทางใต้และอยู่ในจุดใดจุดหนึ่งบนแผ่นที่ภาคผนวก 1

"ดังนั้น ศาลพิจารณาพื้นที่ที่จำกัด ทั้งตะวันออกเฉียงเหนือและทางเหนือตามเหตุผล ถือว่าเป็นพื้นที่ของกัมพูชา ศาลเห็นว่าพื้นที่ตามข้อบทปฏิบัติการที่ 2 ควรขยายให้ครอบคลุมชะง่อนผา เพื่อนำมาใช้แทนที่ส่วนที่ได้มีการเลือกโดยมติ ครม.1962 ในข้อพิจารณาของกัมพูชาทางศาลไม่ได้สามารถทำคำจำกัดความ เกี่ยวกับคำว่า "บริเวณใกล้เคียงปราสาท" ว่าครอบคลุมนอกจากชะง่อนผาและภูมะเขือ ซึ่งศาลถือว่าไม่ได้เป็นการตีความที่ถูกต้องตามข้อ 1 ภูมะเขือในแผนที่นั้นเป็นพื้นที่ส่วนที่ต่างหากออกไป จากแผนที่ปี 1961 หรือแผนที่ซึ่งเป็นเอกสารแนบ

ข้อ 2 มีข้อพิจารณาในการพิจารณาปี 1961 ฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ถือว่า ภูมะเขือ อยู่ภายในปราสาทพระวิหารในการพิจารณาข้อพิพาท ดังนั้น อดีตผู้ว่าการจังหวัดของกัมพูชา ถือว่าพระวิหารเป็นส่วนหนึ่งของอีกจังหวัด แต่ถือว่าภูมะเขือเป็นจังหวัดหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องของกัมพูชา ขณะเดียวกันจังหวัดนี้ก็เล็กเกินกว่าที่ครอบคลุมพระวิหาร และภูมะเขือไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของบริเวณที่สำคัญที่ศาลจะต้องพิจารณา 

ข้อ 3 ไม่ได้มีหลักฐานในการนำเสนอต่อศาลว่า ได้มีเจ้าหน้าที่ไทยหรือกำลังทหารอื่นๆ ของไทย อยู่บริเวณนั้น รวมถึงบริเวณพื้นที่ภูมะเขือซึ่งทำให้ไทยต้องถอนทหารออกจากบริเวณนั้น"

ท้ายสุด การที่กัมพูชาต้องการให้ตีความแผนที่ภาคผนวก 1 เกี่ยวกับเส้นสันปันน้ำของไทยนั้น ศาลไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกำหนดว่าสันปันน้ำอยู่ที่ใด จึงเป็นไปไม่ได้ว่าศาลได้พิจาณาเรื่องสันปันน้ำ บอกไม่ได้ว่า อาณาบริเวณใดเป็นของปราสาทพระวิหาร ในปี 1962 ศาลไม่ได้พิจารณาบริเวณที่กว้างขวางมาก และไม่ได้กำหนดบริเวณใกล้เคียงปราสาทพระวิหาร เพื่อให้เข้าใจว่าจะต้องครอบคลุมจากชะง่อนผาของพระวิหาร แต่คำพิพากษาดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าบริเวณภูมะเขืออยู่ในไทย เพราะศาลไม่ได้พิจารณาประเด็นนี้

ด้วยเหตุผลของการพิจารณา 1962 ตามที่ได้มีการร้องขอในกระบวนการพิจาณาของศาล ได้พิจารณาบริเวณปราสาทพระวิหารด้านตะวันออก, ใต้ และตะวันตกฉียงใต้ ได้มีชะง่อนผา และปี 1962 สองฝ่ายได้ตกลงกันว่าพื้นที่นั้นอยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชาและพื้นที่ทางตะวันตกและตะวันตกเฉียงหนือ ซึ่งมีแนวโน้มลาดชันน้อยกว่า และแยกปราสาทพระวิหารออกจากภูมะเขือ ก่อนที่จะลาดลงสู่พื้นที่ราบของกัมพูชา ดังนั้นศาลจึงพิจารณาว่า ภูมะเขืออยู่นอกพื้นที่และคำพิพากษาปี 1962 ไม่ได้พิจารณาว่าภูมะเขืออยู่ในไทยหรือกัมพูชา

ดังนั้น ชะง่อนหน้าผา และภูมะเขือ จะเริ่มที่จะยกสูงขึ้นจากพื้นราบนั้น ก็เป็นเส้นของแผนที่ภาคผนวก 1 โดยเส้นนั้น จะสูงขึ้นไปทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือและตามคำพิพากษา 1962 ได้มีการกำหนดให้ไทย ถอนกำลังออกจากบริเวณนั้น โดยต้องถอนทั้งหมด ศาลเข้าใจเรื่องที่ไทยระบุถึงการถ่ายโอนแผนที่เพื่อกำหนดพื้นที่เจาะจงตามเรื่องของวรรคดังกล่าวไปใช้ในทางปฏิบัติ ข้อพิจารณาอีกประการคือในปี 1962 ศาลไม่ได้กำหนดจะตีความคำพิพากษา การที่เราจะดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายต้องปฏิบัติตาม พันธกรณีดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายจึงไม่สามารถหาทางออกแต่ฝ่ายเดียวได้

คำพิพากษาปี 1962 ต้องมีการพิจารณาอย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ เรื่องวรรค 2 ศาลพิจารณา เรื่องความสัมพันธ์ของวรรคนี้ กับข้อบทปฏิบัติการ ขณะที่ข้อบทปฏิบัติการที่ 3 ไม่ได้มีการพิจราณา แต่สามารถทำให้เข้าใจได้ในข้อบทปฏิบัติอื่นๆ ในคำตัดสินของศาล เรื่องขอบเขตข้อพิพาท เป็นเรื่องของอธิปไตยเหนือบริเวณปราสาทพระวิหาร ดังนั้น ศาลจึงได้ตัดสินใจข้อปฏิบัติการที่ 1 ว่า ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ในอธิปไตยของกัมพูชาและไทย จึงมีพันธะถอนกำลังทหารและอื่นๆ ออกจากพื้นที่ของเขมร ในแถบของพระวิหาร และข้อบทปฏิบัติการที่ 3 ทำให้เกิดพันธะกรณีที่ครอบคุลมพื้นที่ขยาย เกินกว่าขอบเขตของปราสาทพระวิหารเอง ข้อบทปฏิบัติการที่ 3 ถือว่า เป็นพื้นที่ของกัมพูชาและคำบรรยายนี้ศาลถือว่าเป็นสิ่งที่เข้าใจได้โดยปริยาย จากข้อบทปฏิบัติการที่ 3

สำหรับเรื่องอธิปไตยเหนือพื้นที่ขึ้นอยู่กับอันนี้ พื้นที่ที่ศาลเกี่ยวข้องด้วย ในคดีแรกเป็นพื้นที่มีขนาดเล็กและชัดเจน ทางเหนือก็เห็นได้ชัด สถานการณ์นี้ ศาลเห็นว่า "บริเวณอธิปไตยของกัมพูชา อยู่พื้นที่เล็กๆ เป็นผลจากสิ่งที่ได้พูดถึงในวรรคแรก และลักษณะข้อพิพาทปี 1962 และลักษณะวิธีการในการเสนอคำให้การสองฝ่าย เพราะฉะนั้น เรื่องอธิปไตยที่ศาลได้พิจารณาทั้งที่พูดถึงวรรคแรกและวรรคที่ 3 ศาลมีข้อพิจารณาสรุปว่า พื้นที่ในวรรค 1 และ 3 เป็นพื้นที่เดียวกัน ดังนั้น ปราสาทพระวิหาร อยู่ในอธิปไตยของกัมพูชา เป็นการอ้างถึงววรรค 2 และ 3 ที่พูดถึงบริเวณปราสาทพระวิหาร ตามที่ได้มีการร้องขอให้พิจารณาในครั้งนี้ ดังนั้นศาลจึงเห็นว่าไม่จำเป็นต้องพิจารณาเรื่องเส้นแบ่งแยกไทยและกัมพูชา

ศาลสรุปว่า ชะง่อนผาในแผนที่ภาคผนวก 1 อยู่ภายใต้อธิปไตยกัมพูชา เป็นประเด็นข้อพิพาท 1962 เป็นประเด็นหัวใจของข้อขัดแย้งนี้ นอกจากนี้ ศาลไม่ได้พิจารณาว่าพันธะกรณีที่เกิดขึ้นในข้อบทปฏิบัติการที่ 2 เป็นสิ่งที่ไทยต้องดำเนินอย่างต่อเนื่องหรือไม่ ไทยได้รับว่าไทยมีหน้าที่ตามกฎหมาย ต้องเคารพบูรณาการ ของกัมพูชา หมายความว่า ครอบคลุมพื้นที่ของอธิปไตยกัมพูชา หลังการแก้ปัญหาอธิปไตยแล้ว ทั้งสองฝ่ายต้องดำเนินการตามพันธะกรณี และเคารพบูรณาการของสองประเทศ และมีหน้าที่แก้ไขปัญหาข้อพิพาทระหว่างกันด้วยิวิธีการอื่น

ด้วยหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ เป็นเรื่องชัดเจนที่คำฟ้องทั้งสองฝ่ายปี 1952 และ 1962 ปราสาทพระวิหารถือว่าเป็นวัตถุโบราณสำหรับทั้งสองฝ่าย ขึ้นทะเบียนมรดกโลกแล้ว ศาลเห็นว่าภายใต้การทำงานของทั้งสองฝ่าย ไทยและกัมพูชาต้องคุยกันเอง หารือกันเอง โดยมียูเนสโกควบคุม ในฐานะที่เป็นมรดกโลก แต่ละรัฐมีพันธะกรณีที่ต้องดูแลและปกป้องมรดกโลกชิ้นนี้ไว้ ภายใต้บริบทเหล่านี้ศาลต้องการเน้นว่า การเข้าถึงปราสาทพระวิหารต้องเข้าถึงจากทางกัมพูชาด้วยเช่นกัน

สรุป วรรค 1 กัมพูชามีอธิปไตยเหนือทั้งชะง่อนผาที่ระบุไว้ในปี 1962 ไทยจึงมีพันธะต้องถอนกำลังหทรหารทั้งหมดบริเวณนั้น"

"ด้วยเหตุนี้ ศาลมีมติเอกฉันท์ 2 ประการดังนี้ คือ 1.ด้วยอำนาจตามมาตรา 60 ของธรรมนูญศาล ทำให้การขอตีความของกัมพูชานั้น สิ่งเหล่านี้ ศาลมีอำนาจรับคำร้อง 2.โดยมติเอกฉันท์ ศาลขอประกาศว่า ผลจากการพิจารณาคำขอตีความคำพิพากษา ณ วันที่ 15 มิถุนายน 1962 ตามที่วินิจฉัยไว้ในความในย่อหน้า 98 ของคำพิพากษาใหม่นี้วินิฉัยได้ว่า กัมพูชามีอธิปไตยทั้งหมดเหนือชะง่อนผาที่ตั้งปราสาทพระวิหาร อันยังผลให้ไทยมีพันธะต้องถอนกำลังออกจากเขตแดนตรงนั้นทั้งกำลังทหารและตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่รักษาการอื่นๆ หรือ ผู้ดูแลรักษา ออกไปพ้นจากพื้นที่บริเวณดังกล่าวนั้น" ผู้พิพากษาศาลโลก กล่าว







วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

แผนผังการออกพระราชบัญญัติ

  การออกพระราชบัญญัติ มีขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้คือ
  1. การเสนอร่างพระราชบัญญัติ
  2. การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ
  3. การประกาศใช้พระราชบัญญัติ
      เป็นการง่ายต่อการอธิบาย ถ้าหากนักเรียนได้ศึกษาจากแผนผังด้านล่างนี้
ดาวน์โหลดจากแหล่งที่มา คลิกที่นี่

การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติโดยวุฒิสภา

   เมื่อสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพระราชบัญญัติผ่านทั้ง 3 วาระ ร่างพระราชบัญญัติก็จะเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา ซึ่งวุฒิสภาซึ่งมีสมาชิก 150  คน ต้องพิจารณาร่างพระราชบัญญัติทั่วไปให้แล้วเสร็จภายในกำหนด 60 วัน ถ้าเป็นร่างพระราชบัญญัติการเงินต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน
ซึ่งการพิจารณาของวุฒิสภา สามารถอธิบายผลลัพธ์ออก เป็น  3  ประเด็น ดังแผนผังด้านล่างนี้ครับ

วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

คดีเขาพระวิหาร

11 พฤศจิกายน 2556 ศาลโลก ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ จะอ่านคำพิพากษา คดีปราสาทพระวิหาร ดังนั้นเราต้องรู้เข้าใจอดีตเรื่องปัญหาปราสาทพระวิหารระหว่างประเทศไทยกับประเทศเขมรเสียก่อนนะครับ ทำให้เราสามารถเข้าใจคำตัดสินได้ดียิ่งขึ้น คลิกที่นี่ครับ

การออกพระราชบัญญัติ

  เนื่องจากกระแสการคัดค้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับสุดซอย กำลังมาแรง ดังนั้นนักเรียนจึงควรรู้เข้าใจขั้นตอนการออกพระราชบัญญัติกันนะครับ ลองดูคลิปด้านล่างนี้ ก็จะเข้าใจครับ

วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

โปรแกรมแต่งภาพจากจีน

   ตอนนี้ใน social media เต็มไปด้วยภาพการ์ตูนในหลากหลายรูปแบบ ที่ผู้ทำสามารถถ่ายภาพตัวเองด้วยมือถือ หรือไอแพดแล้วทำให้หน้าของภาพถ่าย กลายเป็นภาพการ์ตูนในหลายอิริยาบท ทำได้ง่ายมาก ๆ
ลองเข้า google แล้วคีย์คำว่า โปรแกรมจีน แล้วดาวน์โหลด ติดตั้ง ซึ่งก็ไม่ยุ่งยากอะไรเลย แล้วเชิญท่าน
ถ่ายรูปตัวเอง คนสนิท หรือเลือกเอาจากภาพที่มีอยู่แล้วก็สามารถทำได้
   ที่มีข่าวว่าจะมีไวรัสติดมาด้วย มีการขโมยความลับอะไรเหล่านั้น กระทรวงไอซีทีให้การยืนยันมาแล้วว่าไม่น่าจะกระทำได้ครับผม  เอ้า...ลองดูภาพที่ผู้เขียนนำเอาภาพถ่ายในปี พ.ศ. 2522 มาทำนะครับ
 

วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

วิธีใช้งาน Google.docs พัฒนาสื่อการเรียนการสอน

   บริการฟรีจาก Google มีเครื่องมือไว้บริการคุณครูอย่างหลากหลาย วิธีการก็ไม่ยุ่งยาก ที่สำคัญคือ
สิ่งที่เราสร้างขึ้นจะอยู่บนอินเตอร์เน็ต นักเรียนและผู้สนใจสามารถเข้าถึงสื่อของเราได้ไม่ว่าจะเวลาไหน
สถานที่ใด ก็ตาม ที่สำคัญถ้าหากคุณครูจะสร้างใบความรู้ ยังสามารถร่วมมือกันพิมพ์ แก้ไข ปรับปรุง ได้
สองคน สามคน แล้วแต่ว่าจะอนุญาตให้บุคคลใดเข้ามาร่วมแก้ไข น่าสนใจมากทีเดียว อันที่จริง Google ได้ให้บริการเครื่องมือเหล่านี้ไว้นานแล้ว ได้ทั้ง word  powerpoint  excell  สร้างแบบสอบถาม
สมุดเยี่ยม  แบบประเมิน แบบทดสอบ ฯ คลิกศึกษาและสร้างสื่อการสอนกันได้ที่นี่จ้า

สร้างแบบทดสอบติด blogger,facebook ด้วย google.docs

   เป็นการสร้างแบบทดสอบในหลากหลายแบบ สนใจทดลองสร้างได้ครับ
ขั้นตอนคร่าว ๆ ของการสร้างแบบทดสอบปรนัย บอกเล่าดังนี้
1. เข้า google.com
2. เข้า google drive
3. คลิก "สร้าง"  คลิก "ฟอร์ม"
4. พิมพ์ชื่อข้อสอบของเรา เช่น ข้อสอบวิชา.......เรื่อง.........
5. เลือกพื้นหลังแบบไหน
 6. คลิกตกลง

 7. หัวข้อคำถามแรกให้พิมพ์เป็น ชื่อ  สกุล
     -ประเภทคำตอบให้คลิกแล้วเลือก "ข้อความ"
     -คลิกกรอบสี่เหลี่ยม "คำถามที่ต้องตอบ"
     - เสร็จสิ้น
8.  คลิกเพิ่มรายการ "คลิกเลือกจากรายการ"   พิมพ์หัวข้อคำถามว่า "ชั้น ม."
     -คลิกกรอบสี่เหลี่ยม "คำถามที่ต้องตอบ"ใส่ชั้นทีสอน (ถ้าสอนม.เดียวเลือกแบบข้อความก็ได้)
     - เสร็จสิ้น
9.  คลิกเพิ่มรายการ "คลิกเลือกจากรายการ"   พิมพ์หัวข้อคำถามว่า "ห้อง"
     -คลิกกรอบสี่เหลี่ยม "คำถามที่ต้องตอบ" ใส่ห้องที่lvo
     - เสร็จสิ้น
10.  คลิกเพิ่มรายการ "คลิกเลือกข้อความ"   พิมพ์หัวข้อคำถามว่า "เลขที่"
     -คลิกกรอบสี่เหลี่ยม "คำถามที่ต้องตอบ" 
     - เสร็จสิ้น

 
 11.  พิมพ์ข้อสอบไปทีละข้อพร้อมกับคลิกกรอบสี่เหลี่ยม "คำถามที่ต้องตอบ" 
       - เสร็จสิ้น  จนครบจำนวนข้อสอบที่ต้องการ
**ไม่ต้องกำหนดว่าข้อไหนถูกในตอนนี้
12   เมื่อพิมพ์เสร็จเราก็คลิก  "ส่งฟอร์ม"
13.  คัดลอก Link นำไปติดบล็อก
14.  คลิกเชื่อมโยงการตอบกลับ
15. คลิกสร้างใหม่ จะได้ดังภาพด้านล่างนี้



16. ทำเฉลยหรือใบตรวจเพื่อให้คะแนนผู้เข้าสอนในหน้านี้
      -คลิกคอลัมน์ถัดจากข้อสอบข้อสุดท้าย ใส่สูตร
      -ว่า =IF(sheet1!F2="คำพิพากษาของศาล","1","0") อธิบายเพิ่มเติม sheet1 คือชื่อแผ่นงาน -ส่วน F2 ได้แก่เฉลยที่ถูกต้องที่เราพิมพ์เข้าไป ซึ่งต้องมาใส่ลงในเครื่องหมายคำพูดด้วยครับ ส่วนอื่น ๆ ปล่อยเหมือนเดิม
- เลื่อนไปในคอลัมน์ถัดไปทำข้อ 2 เช่นเดียวกัน
- ทำจนครบทุกข้อ
17. ทำการรวมคะแนน จากข้อแรกถงข้อแรกถึงข้อสุดท้าย ด้วยสูตร ดังนี้ =sum(K2:O2)ก อธิบาย k2 คือเฉลยข้อแรก O2 คือเฉลยข้อสุดท้ายของท่าน อย่าลืมเปลี่ยนให้ตรงกับแผ่นงานของท่านนะครับ k2 กับ O2 เป็นแค่ตัวอย่างที่กระผมแนะนำเท่านั้นนะครับ

เมื่อนักเรียนทำแบบทดสอบเสร็จ นักเรียนจะไม่ทราบคะแนน ครูจะเป็นผู้ประกาศคะแนนให้ทราบในภายหลัง วิธีการดูคะแนนที่นักเรียนแต่ละคนสอบได้ ก็ใช้วิธีการโปรแกรม Excell นั่นเอง
-คลิกที่ k2 กด 
-กดปุ่ม shift ค้างไว้
-คลิก o2 (ช่องรวมหรือช่องsum)
-กด ชี้ mouse ที่กรอบสี่เหลี่ยมด้านล่างของช่อง o2 ช่อง sum 
-กดmouse ค้างเอาไว้
-ลาก mouse ให้ครอบคลุม จำนวนวนนักเรียนทั้งหมดที่เข้ามาทำข้อสอบแล้ปล่อย mouse
เราจะได้คะแนนของนักเรียนแต่ละคนครับ
-การประกาศอาจจะใช้เลขที่ หรือชื่อ ห้องเรียน และคะแนนที่สอบได้ครับ
-อย่าลืมเรียงข้อมูลห้องเรียนเสียก่อน
-ต่อไปเรียงเลขที่ของแต่ละห้องเรียนครับ
-แล้วจัดการประกาศได้เลยครับ โดยเป็นแผ่นงานละห้องก็ได้อยู่ในไฟล์เดียวกัน
-อัพโหลดไฟล์ไปไว้บนเน็ต ใน google drive หรือ 4sync หรือ mega ก็ได้ หากยังไม่สมัครเป็นสมาชิก
ทั้งสามอย่างนี้ให้ไปดูวิธีการสมัครที่ krukaroon.blogspot.com ครับ
-หลังจากอัพโหลดไฟล์ขึ้นเน็ตแล้ว ทำการแชร์ไฟล์ แล้วคัดลอก Link นำไปแปะไว้หน้าบล็อกของคุณครูเท่านั้น นักเรียนก็สามารถดูประกาศผลการสอบได้แล้วครับ

ขอแนะนำเท่านี้ก่อนนะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สร้างแบบทดสอบติด blogger,Facebook

  นั่งลองโน้นนี่นู้นุ๊ อยู่เรื่อย ๆในช่วงปิดภาคเรียนที่ 1/2556 เป้าหมายเพื่อเพิ่มความรู้เกี่ยวกับการสร้างสื่อการสอน จะได้นำความรู้ไปแนะนำเพื่อนครูอาจารย์อีกนั่นแหละ  และแล้วก็พอจะเจอของดี
อยู่หลายประการเอาสักอย่างก่อนก็แล้วกัน
   โปรแกรมสร้างแบบทดสอบออนไลน์ สามารถนำไปติดบล็อก ติด facebook ได้อันนี้นับว่าน่าสนใจอยู่มากเหมือนกัน เพราะอะไรล่ะก็เพราะนักเรียนของเราใช้ facebook กันถ้วนหน้า ครูเราก็น่าจะนำ sheet  หรือใบความรู้ พร้อมด้วยแบบทดสอบไปแปะไว้บน facebook เพื่อให้นักเรียนใช้ socialmedia ในการเพิ่มเติมเสริมความรู้นั่นเอง  สมัยนี้อย่าไปกังวลแทนนักเรียนอีกเลยว่านักเรียนใช้สื่อไม่เป็น ไม่มีระบบอินเทอร์เน็ต นักเรียนเข้าไม่ถึงสื่อออนไลน์ เรื่องนี้ที่น่าเป็นห่วงน่าจะเป็นคุณครูของพวกเราเสียมากกว่า
    นี่นักเรียน ม.1 ก็จะได้รับแจก Tablet ในปีนี้แล้วล่ะ  พวกเราก็น่าจะสร้างแหล่งเรียนรู้เอาไว้รองรับ บรรดาลูกศิษย์ของเราบนอินเตอร์เน็ตได้แล้วครับ  สำหรับนักเรียนที่ไม่ได้รับแจก Tablet นักเรียนก็มีอุปกรณ์ สมาร์ทโฟน  ไอแพด  แอนดรอยซ์ ฯ กันถ้วนหน้าแล้วครับ
    คราวนี้บรรดาครูเราก็ไม่สู้จะสบอารมณ์เท่าไหร่ ที่เดินผ่านไปทางไหน ก็เห็นแต่ลูกศิษย์นั่งล้อมวงกันเดินเกมส์ออนไลน์ เล่นแชท เล่น facebook  นั่งผงกหัว ส่ายลำตัวซ้ายขวาจากการดู MV จะเห็นว่าบรรยากาศการใฝ่รู้ใฝ่เรียนของศิษย์เราในอดีตที่นั่งล้อมวงกันอ่านหนังสือ ทำการบ้าน แทบจะไม่มี
เห็น  จะเห็นอยู่ประจำก็คือล้อมวงลอกการบ้านกันอย่างอุตลุด ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในปัจจุบันนี้
    เอาเป็นว่ามาสร้างสื่อการสอนกันเถอะครับ คุณครู ด้วยเจ้าตัว Quibblo  หน้าตาเป็นแบบนี้ครับ
1. เข้าเว็บไซต์ http://www.quibblo.com/

2. สมัครสมาชิกก่อนนะครับ
3. เปิดอีเมล์ของเราทำการคลิกยืนยันการสมัครสมาชิกเสียก่อนครับ
4. คลิกสร้างแบบทดสอบ
5. เพิ่มจำนวนแบบทดสอบได้
6. เพิ่มจำนวนตัวเลือกได้ครับ
7. เสร็จแล้วนำ code ไปติดบล็อกได้เลยจ้า

พอเราทำแบบทดสอบแล้ว รายงานผลการสอบจะเป็นดังตัวอย่าง คลิก

วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556

pinterest เพื่อการเรียนการสอน





ข้อมูลจาก http://www.bu.ac.th/

สร้างสื่อการสอนรูปแบบใหม่กับ pinterest

  pinterest รีบสมัครสมาชิกและฝึกใช้กันนะจ๊ะ
 1. สมัครสมาชิก pinterest คลิกที่นี่ 
 2. รู้การใช้ pinterest
 3. รู้การใช้ pinterest (ต่อ)
 4. รู้การใช้ pinterest (ต่อ)

Pinterest  กำลังมาแรงสุด ๆ ในขณะนี้ 
[จะเป็นรองก็แต่  Facebook, Twitter และ YouTube เท่านั้น] ... จริงหรือ ???



Pinterest is an online pinboard.  Organize and  share things you love.

คำอธิบาย  โซเชียล เน็ตเวิร์ค  Pinterest  ที่กำลังมาแรงนี้ได้ดี  เห็นจะเป็นบทความเรื่อง
"Pinterest โซเชียลเน็ตเวิร์คสุดเก๋ ที่กำลังมาแรงสุดๆ ไม่อยาก Out ต้องลอง !!"
จาก 
http://www.thaiware.com/m/review_view.php?id=161 
ซึ่งผมขออนุญาตนำมาเผยแพร่ต่อ  ได้อธิบายไว้อย่างละเอียดว่า  

Pinterest  เปิดตัวปี 2010  และเติบโตอย่างรวดเร็วมาก
    
Pinterest นั้นเปิดตัวมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2010 และสามารถสร้างกระแสได้อย่างรวดเร็ว โดยเติบโต
ถึง 4000% ภายในระยะเวลาเพียง 6 เดือน และติด 10 อันดับ เว็บโซเชียล เน็ตเวิร์คที่ควรเข้า มีผู้คน
เข้าใช้บริการเกือบ 40 ล้านคนต่อเดือน เป็นรองเพียงแค่ Facebook, Twitter และ Youtube เท่านั้น
ถึงขนาดมีคนกล่าวว่าเป็น "ก้าวต่อไปของโซเชียลเน็ตเวิร์ค" เลยทีเดียว



เว็บไซต์นี้  ได้อธิบาย Pinterest  ต่อไปว่า
รูป ภาพต่างๆ ภาพถ่ายและวิดีโอ เป็นสิ่งที่เราสามารถหาได้อย่างง่ายตามตามเว็บไซต์ทั่วไป ด้วยการวางปุ่ม "Pin It" ไว้ที่เว็บบราวเซอร์ของเรา เราก็สามารถที่จะ "Pin" ทุกอย่างที่คุณเห็นในโลก
ออนไลน์ไว้บนหน้า "Pin Boards" ของคุณอย่างง่ายดาย นอกจากนี้ Pinterest ยังอนุญาตให้คุณ "Re-Pin" สิ่งต่างๆจากคนอื่นๆมาไว้ที่หน้า "Pin Boards" ของตัวเองได้อีกด้วย และแจ้งเตือนเมื่อมีการ "Re-Pin" สิ่งที่คุณ "Pin" ไว้ด้วย และแน่นอน เราสามารถกด Like และแสดงความเห็นลงไปในทุกสิ่งที่เรา "Pin" ได้อีกด้วย
Pinterest เป็นการเล่นคำระหว่าง Pin+Interest มีการวางคอนเซป คือการเอา Pin-Boards มารวมกับ Bookmark Online แล้วเปลี่ยนสิ่งต่างๆบนอินเตอร์เน็ตให้กลายเป็น "Things" สำหรับ "Things"
มันคือสิ่งที่กว้างมาก ไม่ว่าเราจะเจออะไร สิ่งนั้นก็กลายเป็น "Things" ได้หมด  และ Pinterest ก็เป็น
ศูนย์กลางที่จะเชื่อม "Things" เหล่านั้นเข้าด้วยกัน

ซึ่งจริงๆแล้วการ BookMark แบบ Online มีมานานแล้ว แต่ว่า Pinterest ปรับเปลี่ยนการแสดงผล
ทำทุกสิ่งให้กลายเป็นภาพ เพิ่มพื้นที่สำหรับการสื่อสารแลกเปลี่ยน ทำให้สามารถประสบความสำเร็จ
ได้อย่างสวยงาม


สิ่งที่ Pinterest มี แต่ Facebook และ Twitter ไม่มี
Pinterest มีความคิดว่าภาพเพียง 1 ภาพ สามารถแทนคำพูดได้นับล้าน ทั้ง Twitter และ Facebook ต่างใช้คำพูดเป็นส่วนมากในการสื่อสาร ผู้ใช้จำเป็นต้องอ่านก่อนถึงจะรับข้อมูลได้ แต่ Pinterest ใช้ภาพในการสื่อสาร และใส่ตัวอักษรลงไปให้น้อยที่สุด ทำให้การมองหาข้อมูลเป็นไปได้ง่ายและรวดเร็วกว่า เพียงแค่มองผ่านๆก็สามารถหาสิ่งที่ต้องการได้เจอ
Facebook เป็นสื่อที่ดีที่คุณจะมองหาคนที่ชื่นชอบในสิ่งเหมือนกัน หรือค้นหาบุคคลที่ชื่นชอบ แต่ว่า
Facebook มีการแสดงข้อมูลทีมากมายแต่ยากที่จะตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลว่าจริงเท็จเพียงใด

ส่วน Twitter คุณจำเป็นที่จะต้องมองหาคำค้นหาที่เป็นกุญแจไปยังสิ่งที่ต้องการ และเมื่อค้นพบ
ยังต้องมองหาเป้าหมายจาก Feed ที่มีการอัพเดตอย่างรวดเร็วตลอดเวลา

แต่ Pinterest ไม่จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลในการค้นหา ด้วยการใช้ภาพสื่อไปยัง "Things" และเชื่อม
ทุกอย่างเข้าด้วยกัน เป็นกลุ่มเดียว ให้ความรู้สึกเป็นมิตรมากกว่า

ในด้านการตลาด ทั้ง Facebook และ Twitter ต่างก็เป็นคู่แข่งที่สูสีกันครับ Facebook มี Like
ส่วน Twitter ก็มี Retweet สำหรับ Pinterest อาศัยการ Like และ Re-Pin ตรงจุดนี้ไม่ต่างกันเท่าไหร่

ก็มีข้อดี-ข้อเสียต่างกันไป อ้อ ลืมบอกไปอีกเรื่อง  ขณะนี้ Pinterest เป็นส่วนหนึ่งของ Timline ใน
Facebook แล้วครับ



พอเข้าใจ Pinterest ในเบื้องต้นแล้ว
ก็ขอเชิญลองเข้าไปสัมผัสด้วยตัวของคุณเองได้ที่
http://pinterest.com/

สำหรับวิธีใช้งานนั้น  บทความในเว็บไซต์นี้   http://www.thaiware.com/m/review_view.php?id=161 
ได้อธิบายไว้อย่างละเอียดในตอนท้ายด้วยเช่นกัน

แล้วคุณก็จะสามารถบอกได้ว่า  Pinterest  นั้น   มาแรงสุด ๆ ตามที่บอก  จริงหรือไม่ ?? 
อย่างไร ??


*******
อ้างอิง  :   บทความเรื่อง  "Pinterest โซเชียลเน็ตเวิร์คสุดเก๋ ที่กำลังมาแรงสุดๆ ไม่อยาก Out
    ต้องลอง !!"  จาก 
http://www.thaiware.com/m/review_view.php?id=161  
-  ขอขอบคุณ ภาพจาก   เว็บไซต์  http://pinterest.com/  
-  ขอขอบคุณ http://www.oknation.net/blog/surasakc
 

เรือพระสงขลาประจำปี 2556

ได้มีโอกาสไปชมเรือพระปีนี้ ในวันที่ 22 ตุลาคม 2556 ซึ่งก็มีเรือพระไม่กี่ลำที่จอดให้ประชาชนร่วมทำบุญอยู่บริเวณสระบัวสงขลา จึงได้เก็บภาพเท่าที่มีนะครับมาฝากกัน หากดูไม่ชัดให้ไปดูใน Facebook krukaroon นะครับ

Powered by TripAdvisor

วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ปรับปรุงบล็อกใหม่

      ช่วงปิดภาคสั้น ๆ นี้ ได้มีโอกาสสร้างบล็อกครูการุณย์ ขึ้นมาอีกบล็อกหนึ่ง โดยให้มีเมนูแบบ Dropdown  อาศัย Template ฟรีบนเน็ตนั่นแหละ นำมาแก้ไข Code Html อีกทีหนึ่ง เพราะว่า
ถ้าให้ครูรุณย์เขียนเองทั้งหมด เป็นลมแน่ครับ
    แจ้งไปยังสมาชิกครูเครือข่าย socialmedia ให้ผลิตสื่อการสอนเพิ่มเติม เพื่อให้นักเรียนได้ใช้
จริงในภาคเรียนที่ 2 นี้ สำหรับที่ถามกันมามากมายว่า เกียรติบัตรการอบรม จะมีมอบให้คุณครู
หรือไม่  ครูรุณย์ ได้เตรียมฉบับร่างไว้แล้วพร้อมพริ้น และมอบให้คุณครู แต่มีข้อแม้ว่า คุณครู
ที่ผลิตสื่อการสอนให้ได้อย่างน้อย 1 บทเรียน นะครับ ให้มีแบบทดสอบก่อนเรียน มีเนื้อหาสาระ
และมีแบบทดสอบหลังเรียน
    ท่านใดผลิตเสร็จแล้ว โพสไว้บล็อกเครือข่าย socialmedia ด้วยครับ สำหรับท่านใด ที่หากจะ
ให้มีการทบทวนอีกครั้งหนึ่ง เปิดภาคเรียนใหม่นี้ กะว่าจะนัดแนะคุณครูทบทวนความรู้อีกครั้งหนึ่ง
เผื่อใครที่ยังไม่ค่อยเข้าใจหรือทำยังไม่ค่อยคล่อง จะได้มีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น และผลิตสื่อได้
ในภาคเรียนที่ 2 นี้นะครับ  สู้ ๆ นะครับทุกคน